
1. เริ่มมองหางานใหม่
ถ้าเว็บที่เราเข้าเริ่มเปลี่ยนเป็นเว็บไซต์หางาน เริ่มพิมพ์คำว่า “หางาน”ลงไปใน Search Engine พร้อมเคาะปุ่มเอ็นเทอร์
นั่นเท่ากับว่าเราผ่านจุดสุดท้ายของความอดทน
ในงานปัจจุบันไปแล้ว และหากทุกวันมีแต่คำว่า “ฉันจะหางานใหม่!” แวบเข้ามาในความคิด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
อาจไม่เป็นการดีที่เราจะใช้ชีวิตด้วยการทนทำงาน
ที่ไม่สร้างความสุขแบบนี้ต่อไปซึ่งนอกจากจะเป็นผลเสียต่อตัวเองแล้ว ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน รวมถึงบริษัท
ก็ต่างได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน
2. รู้สึกว่าอยู่ต่อไปยังไงก็ไม่โต
ถ้ารู้สึกว่าตัวเองไม่มีโอกาสก้าวหน้าในที่ทำงานเลย ก็ไม่แปลกที่จะนึกถึงเรื่องหางานใหม่เพราะโอกาสในการก้าวหน้า
คือเป้าหมายสำคัญในการทำงานของมนุษย์เงินเดือนอย่างเราซึ่งโอกาสในการก้าวหน้าที่หมายถึงอาจไม่ใช่แค่การ
เลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นเพียงอย่างเดียวแต่มันอาจจะหมายถึงการได้รับโอกาสใหม่ ๆ เช่น การได้รับมอบหมาย
ให้ทำโปรเจกต์ใหม่ได้ทำสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน หรือได้เรียนรู้งานจากระดับหัวหน้างานยังไงก็ตามก่อนที่คุณ
จะรีบลาออกจากงานด้วยเหตุผลนี้ลองเข้าไปคุยเรื่องนี้กับหัวหน้างานก่อนจะดีที่สุดแต่ถ้าคุยแล้วยังดูไม่มีโอกาสล่ะก็
อย่ารอช้าที่จะลาออกมาหาที่ที่ให้โอกาสคุณก้าวหน้ามากกว่านี้
3. คิดถึงภาพตอนเกษียณ
ถ้าอยู่ ๆ ก็จินตนาการภาพตัวเองปลดเกษียณหยุดทำงานและนอนพักผ่อนอยู่บ้าน บางคนถึงขั้นนับปี นับเดือน
นับวันที่จะเกษียณจากงานที่ทำอยู่ตอนนี้เลยเพราะในแต่ละวันนั้นไม่ได้มีแรงจูงใจให้อยากไปถึงที่ทำงาน
ไม่ได้มี Passion ที่อย ากจะสร้างสรรค์สิ่งที่มีคุณค่าออกมาชีวิตการทำงานหมดไปกับงานที่ทำแบบส่ง ๆ เท่านั้น ก็
อาจจะถึงเวลาที่เราต้องเริ่มมองหาทางใหม่ ๆ ได้แล้วเพราะการนิ่งดูดายต่อเวลาที่ผ่านไปแบบนี้ ไม่สามารถช่วย
ให้ความหวังที่จะเกษียณเป็นจริงได้แน่นอน
4. พูดคุยเรื่องงานในแง่ลบให้คนในครอบครัวฟัง
ช่วงเวลาสุขสันต์อย่างเวลาทานข้าวกับครอบครัวจากที่เคยเป็นการพูดคุยเรื่องราวสนุกสนานในที่ทำงานของเรา
วีรก ร รมน่าสนุกของลูกที่โรงเรียนและวางแผนไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุด ย า ว ที่จะมาถึง ถูกแทนที่ด้วยการถูกตำหนิ
และถูกต่อว่าจากที่ทำงานของเราเป็นหัวข้อหลัก แทรกด้วยพฤติกรรมที่ไม่ดีของเพื่อนร่วมงานวันแล้ววันเล่าที่
คนในครอบครัวของเราได้รับฟังแต่เรื่องงานในเชิงลบหากสถานการณ์นี้ยังเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำและมีแนวโน้ม
ว่าจะบ่อยขึ้นเรื่อย ๆเราอาจต้องเริ่มพิจารณาถึงงานของเราอย่างจริงจังมากขึ้นแล้ว
5. ระบบ ชี วิ ต พั ง
จากที่เคยเป็นคนนอนหลับง่าย กลายเป็นคนนอนไม่หลับ ตื่นมากลางดึกบ่อย ๆเพราะต้องเก็บเอาความ เ ค รี ย ด
จากเรื่องงานไปนอนฝัน นี่คือจุดเริ่มต้นของระบบชีวิตที่แปรปรวน
หนำซ้ำบางคนจากที่เคย สุ ข ภ า พ แข็งแรงกลับมีอาการ ป่ ว ย บ่อยขึ้นซึ่งการ ป่ ว ย ทางกายนี่แหละที่เป็นตัวชี้วัด
อย่างหนึ่งได้เช่นกันว่า สุ ข ภ า พ จิ ต ของเราอาจจะกำลัง แ ย่
ไปด้วยนอกจากนี้หากงานรบกวนความคิดจนทำให้ทุก ๆ เย็นต้องนัดเพื่อนออกไปสังสรรค์เพื่อให้หาย เ ค รี ย ด
จนเริ่มมีสโลแกนติดปากใน ห มู่ เพื่อนว่า “ดื่ ม เพื่อให้ลืมงาน”ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นแล้ว
ว่างานนี้อาจจะไม่เหมาะกับเราอีกต่อไป
เมื่อ อ่ า น มาถึงตรงนี้ ถึงจะรู้สึกว่ามีหลายสัญญาณที่ตรงกับเราแล้วก็อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจลาออกจากงาน
ทางที่ดีกว่าคือการเริ่มตรวจสอบตัวเองพิจารณาว่าเรากำลังเผชิญกับ
ปัญหาอะไร เราแก้ไขให้มันดีขึ้นได้ไหมเพราะหากปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุจากตัวเราเองไม่ว่าจะเปลี่ยนงานอีกกี่แห่ง
ปัญหานี้ก็ไม่หายไป ค่อย ๆ วางแผนและตัดสินใจอย่างรอบคอบเชื่อว่าทุกคนสามารถกลับมามีความสุข
สร้างสมดุลทั้งชีวิตและการงานในอนาคตได้อย่างแน่นอน
ขอบคุณ : j o b t h a i