
คนเป็นพ่อเป็นแม่ มักใช้ความเป็นผู้ใหญ่มองเด็ก โดยบางครั้งก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เด็กคิด
นั้นอาจเป็นอีกหนึ่งมุมมองของเขามีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่พ่อแม่อาจไม่เคยรู้ ว่าสิ่งที่ทำกับลูกในทุกวันนี้
อาจส่งผล ทําร้ า ย จิตใจลูก ได้มากที่สุดอย ากเลี้ยงลูกให้ดี เลิกทำ 9 สิ่งที่ ทำ ร้ า ย จิตใจลูก
1.มองข้ามการแสดงความคิดเห็นของลูก
ผู้ใหญ่มักแสดงความไม่พอใจ ต่อเด็กที่ประพฤติตัวไม่ดี โดยอาจใช้การ ดุด่า ต่อว่า แต่เด็กร้อยละ 90
ไม่สามารถแสดงอาการไม่พอใจในตัวผู้ใหญ่ออกมาได้ และหากกล่าวว่าผู้ใหญ่ผิดก็ทำให้มองว่าเป็นเด็กไม่ดี
ทำตัวไม่เหมาะสม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพ่อแม่สามารถเป็นแบบอย่าง ให้ลูกในการแสดงออกและเปิดใจให้กว้าง
ต่อการฟังความคิดเห็นจากทุกคนในครอบครัว ยอมรับความผิดถูกและช่วยกันแก้ปัญหาเพื่อให้ลูกกล้าแสดงออก
และรู้จัก ที่จะยอมรับในสิ่งผิด อันจะเป็นรากฐานต่อการใช้ชีวิตในสังคมเมื่อเขาเติบโตขึ้น
2. ใช้ความ รุ น แ ร ง กับลูก
หมดยุคการลงโทษ โดยใช้ไ ม้เ รี ย วตีลูกเพื่อสร้างให้เป็นคนดีกันแล้ว เพราะการตีหรือใช้ความ รุ น แ ร ง
กับเด็กไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงหรือปรับนิสัยลูกให้เป็นไปตามที่พ่อแม่คาดหวังได้แต่จะเป็นการซ้ำเติม
ให้ลูกมีปมภายในใจหนักขึ้นไปอีก ความ รุ น แ ร ง ระหว่างพ่อแม่ ทะเลาะกัน หรือความ รุ น แ ร ง
ที่ทำต่อลูกล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ดี ที่ยิ่งทำให้ลูกมีอาการต่อต้านหนักขึ้นและจะกลายเป็นภาพจำ ทำให้ลูกกลายเป็นเด็กก้าวร้าว
ต่อไปได้ในอนาคต
3. เมินเฉยกับการทำดีของลูกหรือรู้สึกยินดีแบบผ่าน ๆ
ผู้ใหญ่มักมอง เห็นความสำเร็จเล็ก ๆ ของลูกเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย และให้ความยินดีแค่เพียง ๆ ผ่าน
แทนที่จะมองว่าผลลัพธ์ในสิ่งที่ลูกทำได้ดีนั้น จะเป็นการต่อยอดไปสู่ผลงานหรือความสำเร็จที่ดีในอนาคต
ของเขาได้หาก ได้รับการส่งเสริมที่ดีจากพ่อแม่ การเมินเฉยหรือการยินดีแค่เพียง ชั่ ว ขณะอาจทำให้ลูกรู้สึกไม่มั่นใจ
และไม่ภาคภูมิใจกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้
4. นำเรื่องที่เคยทำผิดของลูกมากล่าวว่าซ้ำ ๆ
ผู้ใหญ่ส่วนมาก เวลาดุเด็กที่ทำผิด มักจะนำเรื่องของลูกที่เคยทำผิดมาแล้วมา กล่าวว่าซ้ำ ๆ เหมือนเป็นการตอกย้ำ
ซ้ำเติมลูกเข้าไปอีก และร้อยละ 50 ที่แสดงอาการแบบนี้จะหยุดก็ต่อเมื่อเด็กเกิดอาการเสียใจ การทำแบบนี้
ถือเป็นการกระทำที่ ทำ ร้ า ย จิตใจลูกได้มาก และจะทำให้เด็กเกิดความรู้สึก เ จ็ บ ใจ โกรธ จนทำให้ลูกไม่คิดจะปรับปรุง
ตัวให้เป็นเด็กที่ดีขึ้นง่าย ๆ แน่
5. เปิดเผยความลับ ของลูกให้คนอื่น
แท้จริงแล้วพ่อแม่คือ ที่ปรึกษาที่ดีที่สุดของลูก แต่เด็กในสังคมไทยปัจจุบันกลับเลือกปรึกษาเพื่อนก่อนพ่อแม่
ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าบางเรื่องพ่อแม่เห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือเป็นเรื่องที่มองข้ามความสำคัญของลูกไป
หรือแก้ปัญหาไม่ตรงจุด จนลูกมองว่าพ่อแม่ ช่วยอะไรไม่ได้ แต่สาเหตุหลักคือเรื่องของความลับ
ที่เด็กไม่อย ากให้คนจำนวนมากรู้หากมีเรื่องสำคัญนั้น ร้อยละ 80 ลูกมักจะเลือกบอกแม่ แต่แม่ก็อาจจะนำความลับนี้
ไปปรึกษาพ่อหรือคนอื่น ซึ่งการทำแบบนี้อาจทำให้เด็กเกิดความรู้สึกไม่ไหววางใจหรือเชื่อใจที่จะบอกความลับตนเอง
จึงมักทำให้เกิดปัญหาตามมาทีหลังได้
6. ลงโทษเมื่อลูกทำผิด
พ่อแม่จำนวนมากคิดว่าการลงโทษ คือวิธีที่จะทำให้เด็กจดจำและจะไม่ทำผิดอีก แต่กลับตรงกันข้ามวิธีนี้
จะทำให้ทำให้ลูกรู้สึกเสียใจ กลายเป็นเด็กที่เก็บกด และกลัวความผิดพลาดจนกลายเป็นคนขี้ระแ ว งได้
วิธีที่ถูกต้องที่สุดคือ การปลอบ เมื่อลูกทำผิดพลาด อธิบายเหตุผลว่าทำไมนี้คือสิ่งที่ลูกทำผิด จะมีผลเสียอย่างไร พร้อมทั้งแนะนำ
ช่วยกันหา วิธีคิดแก้ปัญหาให้กับลูก หรือใช้วิธีลงโทษแบบนุ่มนวล เช่น การลงโทษแบบ time in หรือ time out
7. ใช้ถ้อยคำ รุ น แ ร ง ด่าว่าลูก
การใช้ถ้อยคำที่ว่ากล่าวตักเตือน เมื่อเด็กทำผิด ไม่ใช่การด่าว่า ใช้คำ รุ น แ ร ง ส่ อ เ สี ย ด เพื่อให้เด็กกลัว
หรือหลาบจำ เพราะการทำแบบนี้นอกจากจะทำให้ลูกรู้สึกไม่ดี
ยังทำให้เด็กไม่มีความสำนึกผิด หนำซ้ำยังคิดจะทำครั้งต่อไป แบบที่ไม่ทำให้โดนจับได้เพื่อจะได้ไม่โดนด่า
แถมยังเกิดการเลียนแบบถ้อยคำ ห ย า บ ค า ย จากผู้ใหญ่อีกด้วย
8. อารมณ์เสียใส่ลูก
พ่อแม่ที่อารมณ์เสีย หรือทะเลาะกัน บางครั้งก็มักจะอารมณ์เสียใส่ลูกโดยไม่รู้ตัว หรือพาลไปหาเรื่องลูก
ลงใส่ลูกการทำแบบนี้นอกจากจะเป็นการทำร้ า ยจิตใจลูกโดยง่ายแล้ว ยังทำให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่มีเห ตุผล
จนไม่คิดจะเชื่อถือได้
9. เอาความคิดของตัวเอง เป็นหลักและไม่ใจกว้างที่จะเข้าใจลูกตัวเอง
พ่อแม่อาจจะจด วันเดือนปีเกิดของลูกได้ รู้ว่าลูกชอบกินอะไรหรือไม่ชอบอะไร ฯลฯ แต่การรู้จักลูกในสิ่งเหล่านี้
ไม่ได้หมายความว่า คนเป็นพ่อแม่จะเข้าใจในสิ่งที่ลูกคิดได้
หากคุณยังต้องการให้ลูกต้องทำนู่นนั่นนี่ในแบบที่พ่อแม่คิด โดยไม่ถามความสมัครใจ หรือไม่ได้สังเกตอาการ
สีหน้า ความสุข ของลูกเลย พ่อแม่ทุกคนอยากเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด
แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะห้ามตี ห้ามดุไปเลยทีเดียว แต่ควรทำแบบพอดี ไม่มากเกินไป
ควรใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ใช้ความจำเป็นให้มากกว่าความต้องการเพื่อไม่เป็นการ ทำ ร้ า ย จิตใจลูก
และสร้างลูกให้เป็นคนดีต่อไปเพื่อความภูมิใจของคุณพ่อคุณแม่เมื่อเขาเติบโตขึ้นมานะคะ
ขอบคุณ : t h.t h e a s i a n p a r e n t