“ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูก” เราคงจะคุ้นเคยกับประโยคนี้กันดีใช่ไหมล่ะคะ และครูพิมเองก็คิดว่า คำกล่าวนี้ไม่ได้ผิดแต่อย่างใด
เพียงแต่อาจจะยังไม่ถูกต้องไปเสียทั้งหมดแม้ว่าพ่อแม่จะมีความรักให้กับลูก แต่หากความรักนั้นถูกถ่ายทอด
ไปด้วยความไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิด ๆ ก็อาจกลับกลายเป็นการทำล า ยลูกได้โดยไม่รู้ตัว ประเด็นสำคัญก็คือ
รูปแบบการเลี้ยงดูที่ไม่ถูกต้องบางอย่างนั้น ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อตัวพ่อแม่เองเท่านั้น
พฤติก ร รมหลาย ๆ อย่างยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเจริญเติบโต และการใช้ชีวิตของเด็กในอนาคตอีกด้วย
ที่มักจะเกินขึ้นโดยไม่รู้ตัว 5 ประการด้วยกันค่ะ
1. เปรียบเทียบลูกตนเองกับลูกคนอื่น
ข้อผิดพลาดประการหนึ่งที่พ่อแม่มักจะทำก็คือ การเปรียบเทียบลูกตนเองกับลูกคนอื่น หรือแม้แต่เปรียบเทียบระหว่างลูกแต่ละคน
โดยหวังว่าจะให้ลูกที่ด้อยกว่านั้นปรับปรุงตัวขึ้น
ซึ่งความเชื่อนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ผลตามที่พ่อแม่ต้องการเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับลูก
และระหว่างลูก ๆ แต่ละคนได้อีกด้วย
2. ทำแทนลูกมากจนเกินไป
ความรักของพ่อแม่ หลาย ๆ ครั้งก็มักถ่ายทอดออกไปด้วยการปกป้อง ดูแล ซึ่งก็ไม่ผิดนักหากว่า การดูแลของเรานั้น
ไม่ได้มากเกินไปจนถึงขั้นทำให้ลูกไม่สามารถที่จะดูแลตัวเองได้
และไม่เพียงแต่การ “ลงมือทำ” สิ่งต่าง ๆ แทนลูกเท่านั้น เพราะเมื่อเราทำจนเคยชิน หลาย ๆ ครั้งจึงก้าวไปถึงขั้น
“คิดและตัดสินใจ” แทนลูกอีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ แม้เด็กอาจจะรู้สึก
ถึงความสะดวกสบายและปลอดภั ยในช่วงแรก ๆ ของชีวิต แต่เมื่อเติบโตขึ้น พฤติก ร รมเหล่านี้ของพ่อแม่
อาจจะส่งผลให้เด็กรู้สึกถึงความด้อยคุณค่า รู้สึกว่าตนไม่มีความสามารถไม่กล้าแสดงออก และไม่เป็นตัวของตัวเองค่ะ
3. ไม่ฟังลูก
หลาย ๆ ครั้ง ความเป็นพ่อแม่ ทำให้เรารู้สึกมีอำนาจและเหนือกว่าลูก จนลืมไปว่าลูกหรือเด็ก ๆ เองก็มีความต้องการ
หรือมีความคิดบางอย่างเป็นของตนเองเช่นกัน การรับฟังลูก
จะเป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้เราได้เข้าใจและช่วยเหลือลูกได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะเมื่อลูกเกิดปัญหาขึ้นในชีวิต
แต่การที่พ่อแม่คิดว่าตนเองรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับลูกโดยไม่จำเป็น
ต้องฟังลูกนั้น อาจทำให้พลาดสิ่งที่สำคัญ หรือไม่สามารถช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาให้ลูกได้อย่างทันเวลา
และยังอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกหันไปพึ่งพาบุคคลอื่นมากกว่าก็เป็นได้ค่ะ
4. ไม่มีความคงเส้นคงวา
พ่อแม่หลาย ๆ คนมักมีการตั้งกฎ กติกา หรือข้อจำกัดบางอย่างไว้ให้กับลูก แต่กฎระเบียบที่ตั้งขึ้นนั้น
กลับมีความไม่คงเส้นคงวา มีการนำมาใช้ในบางกรณี แต่กลับไม่ใช้ในบางกรณี
โดยไม่มีเหตุผลที่ดีหรือเหมาะสมให้กับลูก หรือบางครั้งก็เป็นกฎที่ตั้งขึ้นโดยที่พ่อแม่ไม่สามารถทำให้เห็น
หรือทำเป็นตัวอย่างได้ ซึ่งทำให้กฎหรือกติกาที่ตั้งขึ้นนั้นไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่ได้ผล
5. ไม่สื่อส า รกับลูกอย่างตรงไปตรงมา
รูปแบบการสื่อส า รอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและทำล า ยความสัมพันธ์ได้ ก็คือการสื่อส า รที่ไม่ตรงไปตรงมา
ไม่ว่าจะในทางบวกหรือทางลบ เช่น พ่อแม่มักจะไม่ชมลูกตรง ๆ
เพราะกลัวลูกจะเหลิง แต่กลับใช้คำที่ก่อให้เกิดความรู้สึกทางลบแทน เช่น “ทำให้ได้แบบนี้ไปตลอดก็แล้วกัน”
หรือ “ทำเรื่องดี ๆ กับเขาได้ด้วยหรือ” ซึ่งภาษาที่ใช้ในการสื่อส า ร
ในลักษณะนี้ ไม่ได้ส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณกับลูกแต่อย่างใด และการสื่อส า รในทางบวก
ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เด็กเหลิง หากว่าคำชมหรือคำพูดในทางบวกนั้นมีความสอดคล้องกับพฤติก รร มหรือผลงานที่เด็กได้ทำจริง
ซ้ำยังจะเป็นการเสริมแรงให้เด็กทำพฤติก ร รมที่ดีนั้นต่อไปอีกด้วยค่ะ
“อย่าเลี้ยงลูกให้เป็นเทวดา จะนำพาความเสียใจมาสู่ตน
อย่าสอนลูกเพื่อให้เป็นคนที่โดดเด่น แต่จงสอนให้เขา..
สงบเย็นและมีคุณธรรม อย่าเลี้ยงลูกด้วยการให้ค่านิยม บ้าวั ต ถุ
แต่จงสอนเขาให้รู้จักอยุ่อย่างพอเพียง ครอบครัวจะได้ไม่เดือดร้อน
สังคมก็สงบสุข เพียงแค่นี้ก็พอแล้ว”
ขอบคุณ : t r u e p l o o k p a n y a