
1. ขยัน ให้ถูกจุด
คนขยันมักไม่เป็นที่มองเห็น ของเจ้านาย ถึงมีประโยคที่ว่า “ทำงานให้ ต า ย ก็สู้ ค น เ ลี ย แข้งขาเจ้านายไม่ได้”
และทุกบริษัทไม่มีใครไม่ชอบคนขยัน แต่เมื่อเราทำแล้วก็ต้องพูด รู้จักแสดงผลงานของตัวเองบ้าง
ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาทำ จนคนอื่นๆ ขโ ม ย ผลงานไป เราก็ยังนิ่งเงียบเป็นทอง
ไม่รู้ร้อนนั้นเขาเรียกว่า โ ง่ เ ข ล า ค่ะ ไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานสวมเขาบ่อยๆ จงโขว์ศักยภาพด้วยการพูดด้วยค่ะ วาทศิลป์คือสิ่งดีงาม ทำเยอะต้องพูดให้เป็น คือชนะเลิศ
2. โฟกัสที่งาน ไม่ใช่คน
เดี๋ยวนะมาทำงานค่ะ ไม่ใช่มานั่งนินทาเจ้านาย ขายเพื่อนร่วมงาน ไม่ต้องค่ะ มาทำงานก็ต้องโฟกัสที่งาน
ทำให้เต็มที่ ถูกมอบหมายงานมาสิบ แต่ทำให้เต็มร้อยไปเลยค่ะ แล้วผลตอบแทนจะตามมาเคยมีฝรั่งคนหนึ่งถูกเรียกสัมภาษณ์งาน เมื่อบริษัทเปิดโอกาสให้ถาม
สิ่งที่เขาถามคือ บริษัทมีการเจริญเติบโตไปในทิศทางไหนมีอุปกรณ์และเทคโนโลยีเจิดๆ
ให้เขาได้แสดงศักยภาพของตัวเองหรือไม่ นโยบายบริษัท จะเป็นยังไงอีก 5 ปี ข้างหน้าเขาต้องรู้ข้อมูลประกอบเพื่อจะได้งัดศักยภาพของตัวเองมาใช้ให้ถูกจุด
หากให้ข้อมูลเขาครบแล้วจึงค่อยตกลง เรื่องเงินเดือนเพราะเขารู้ว่าเขาจะให้อะไรกับบริษัทได้บ้างและผลตอบแทนที่จะได้รับต้องเหมาะสมเช่นกัน
คนอื่นๆค่ะ
3. เจ้านาย
คนที่เป็นนายคนมีสิ่งหนึ่ง ที่เหมือนกันทั่วโลกคือ ฉลาดและมีไหวพริบ เขาจะรู้ว่าใครดีแต่ปากและใครคนจริง
แต่นายส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ ทำ ล า ย คนดีแต่ปากเพราะ คนเหล่านี้คือหูตาบริษัท ที่พอมีเรื่องเม้าท์ก็จะถึงหูเจ้านายได้ทันที แบบไม่ต้องสงสัย บางทีมีนายหลายคน
แต่กว่าจะไปถึงนายใหญ่ บางทีมนุษย์งานอย่างเราๆ อาจจะโดนกลบรัศมีหมด
อย่ารอให้โดนเรียกจงโชว์ผลงานที่โดดเด่น แล้วจะเป็นที่รักของนายค่ะ ไม่ใช่อะไร แต่เพราะเราทำงานได้ ไม่ใช่ดีแต่ปากไงล่ะ
4. Teamwork
ทุกๆ งาน ต้องทำร่วมกับคนอื่นค่ะ ทำคนเดียวไม่ได้ หากคิดว่าทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นไม่ได้
ก็ลาออกไปเถอะอย่าอยู่เป็นภาระของคนอื่นๆ เพราะไม่มีอะไรในโลกนี้สามารถทำงานคนเดียวได้เสร็จสมบูรณ์ยกเว้นว่าคุณจะเป็นฟรีแลนซ์ค่ะ
ทีมเวิร์คจึงสำคัญมากๆ เพราะเราไม่รู้ว่าวันหนึ่งเราอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากโปรแกรมเมอร์สุดติส ที่โครตจะกวนโอ้ย!
หรืออาจจะต้องดิวงานกับครีเอทีฟที่ทำตัวน่าทีบสุดๆ ก็เป็นไปได้หัดทำตัวเอง
ให้น่ารักน่าคบหา เพื่อความอยู่รอดของตัวเราเองในอนาคตนะคะ
5. เข้าสังคมและอย่าสร้าง ศั ต รู
ใครๆ ก็ว่าสังคมเพื่อนร่วมงาน ป็นสังคมที่น่าเบื่อหน่าย วันๆ ไม่ค่อยทำหรอกงาน มาทำงานมานั่งนินทาคนอื่นๆ พูดถึงละครที่พึ่งดู
ไปร้านอาหารเปิดใหม่ และเที่ยวไหนดีมีชีวิตแบบไฮโซแต่เงินเดือนโลว์คอร์ท อันนี้เข้าข่ายรสนิยมสูงแต่รายได้น้อย เมื่อต้องเข้าสังคมร่วมกับเพื่อนร่วมงานแบบนี้จงปรับตัวค่ะ
อย่าแปลกแยกเพราะจะถูก เ ก ลี ย ด โดยฉับพลันมีข้อมูลมาคุยแลกเปลี่ยน
กับเพื่อนร่วมงานบ้าง แต่อย่าทิ้งงานตรงหน้า งานจบแต่หน้าที่เข้าสังคมยังคงดำเนินต่อไปค่ะ อย่าปลีกวิเวก เพราะเราต้องทำงานร่วมกับ
6. การแต่งตัว
เดี๋ยวนี้ คนแต่งตัวเป็นมัก จะได้รับการเชิดชูมากกว่า คนที่แต่งตัวไม่ได้เรื่อง แม้หน้าไม่ให้แต่แต่งตัวเป็น
มีสไตล์เป็นของตัวเองคือ ผ่านค่ะ แม้ไม่มีเงินสอยแบรนด์เนมมาใช้ก็ต้องมีสไตล์เป็นของตัวเอง เพื่อสร้างการจดจำและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวเอง
7. เรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับองค์กร
กว่าจะ ผ่ า ฟั น กับคู่แข่งมาได้ จงบอกตัวเองว่า เราก็มีของดีไม่น้อย
การจะเข้ามาทำงานในองค์กรหนึ่งๆ ทุกบริษัทก็ต้องผ่าน การคัดแล้วคัดอีก ไม่ใช่ใครก็ได้จริงป่ะ ดังนั้นเมื่อเขาเลือกเราเข้ามาแล้ว จงหมั่นเรียนรู้และปรับตัวเ สี ย ไม่ใช่นั่งรอโอกาสเดินเข้ามาหา
เราควรเดินเข้าไปหาโอกาสด้วยการแสดงผลงานชิ้นโบแดงให้นายเห็นว่า
เขาตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกเราเข้ามาเคยมี HR บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ปฏิเสธรับพนักงานใหม่ เข้าทำงานด้วยเหตุผลที่ว่า
วันสัมภาษณ์งานหนุ่มน้อยคนนั้นถามถึงแต่ประโยชน์ของตัวเองจะได้รับเมื่อเข้ามาทำงาน
แต่ไม่ได้สนใจ เ นื้ อ งานที่ตัวเองจะทำและได้แสดงศักยภาพ ของตัวเอง หากทุกคนคิดแบบนี้ก็จอด ไม่ต้องแจวต่อค่ะ เพราะคุณปิดโอกาสให้ตัวเอง ตั้งแต่ประโยคแรกแล้วว่าจะได้รับ OT เท่าไหร่ หากต้องทำงาน ส-อ โอ้วว อย่าขัดขาตัวเองล้ มนะจ้ะ ขอเตื อ น!
ทำได้ 7 ข้อนี้ก็รอดแล้ว ชีวิตเฟื้องฟูแน่นอน
ขอขอบคุณ : s a n o o k