เคยได้ยินเรื่องสั้น ขำขัน เรื่องหนึ่งไหม ที่เพื่อนคนหนึ่งถามเพื่อนอีกคนว่า “นายสูบบุหรี่มากี่ปีแล้ว?” เพื่อนตอบว่า“20 ปี” อีกคนจึงบอกว่า “โฮ่ ถ้านายไม่สูบแล้วเอาเงินค่าบุ ห รี่ไปซื้อรถได้เลยนะเนี่ย” แล้วเพื่อนก็ย้อนว่า “แล้ว
นายไม่สู บ บุ ห รี่ ไหนล่ะรถของนาย..”
ตลกที่ดูย้อนแย้ง แต่บนความจริงอาจเป็นเรื่องที่ “รู้อยู่แก่ใจ” คนที่คิดได้ก็คิดได้ คนที่ไม่คิดก็ไม่คิด การสูบบุหรี่
อาจไม่ผิ ดในแง่นี้ เ พ ร า ะถึงไม่สูบแต่ไม่เคย “คิดเรื่องการเงิน” วางแผนการเงิน มันก็ลำบ ากเช่นกัน
“คิด” เสียแบบนี้ไง
เราอาจมองอย่ างผิวเผินว่า ทำไมบางคนดูฟุ่มเฟือย ก็ไม่เห็นจะลำบ ากเลย หรือทำไมบางคนดูประหยั๊ด ประหยัด
ไม่เห็นรวยเลย..
ข้อแรก เรานั้นไม่รู้ทั้งที่มาของรายได้ และภาระของรายจ่ายของแต่ละคน ในคนที่มี รายจ่ายเกินตัวบนความจำเ ป็ น ต่ อ ให้ประหยัดอย่างไรมันก็ไม่พอ ส่วนคนที่มีรายรับหลายทาง ฟุ่มเฟือยอย่ างไรก็อาจไม่เดือดร้อน
รวมถึงบางทรัพย์สินที่เราตีค่าว่าเขาฟุ่มเฟือยนั้นมันอาจไม่ได้สิ้นเปลืองอย่ างที่คิดก็ได้เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังต่อไป
ข้อสอง มีหลายเรื่องไม่อาจตัดสินด้วยเวลาในระยะสั้น คนมีวันนี้อาจไม่มีในวันหน้า คนที่ยังไม่มีอาจกำลัง
สร้างตัว ดังนั้นสิ่งที่เห็นอาจเป็นเพียงสิ่งชั่วคราวและ..
ข้อสาม คิดทำไมคนอื่นเขาจะยังไง ทำไมไม่คิดวางแผนเรื่องของตัวเอง? ไม่ได้กำลังตำหนิ แต่ลองทบทวนสิหากเราสงสัยมุมแบบนี้ เราก็จะท้อทำนองว่า ไม่รวยอย่ างเขา อย ากมีเหมือนเขา หรือทำไปก็ไม่รวยประหยัด
ก็ไม่เห็นรวย ไร้แรงจูงใจเ พ ร า ะมัวแต่ไปเปรียบเทียบกับคนอื่น โดยที่เราไม่มีวันรู้ปัจจัยแท้จริงของเขาเลย
หากสนใจแต่เรื่องตัวเอง อาจมีไอเดียความคิดดี ๆ มากกว่านี้ก็ได้คนมีเงิน ในเวลาปกติก็คิดถึงเรื่องเงินด้วย คนไม่มีเงิน มักคิดเรื่องเงินเฉพาะตอนมีปัญหา
ข้อสำคัญ มันเป็นเรื่องของกรอบคิด (Mindset) จริง ๆ คนที่มี จะคิดเรื่องเงินในเวลาปกติบ่อยกว่า คนไม่มีเ พ ร า ะคนไม่มีจะคิดเรื่องเงินเฉพาะเวลามีปัญหา ทบทวนหรือมองรอบ ๆ ดูสิ จะพบว่าเรื่องนี้จริงถ้าเห็น
ด้วยก็พย าย าม “คิดสิ จะได้รวย”
รายได้เสริม กับรายได้แฝง
ยุคนี้หลายคนอย ากมีรายได้แบบที่เรียกว่า Passive income แปลไทยอย่ างเป็นทางการน่าจะยังไม่มี แต่ความหมายประมาณว่าเป็นรายได้ที่อยู่เฉย ๆ ก็เข้ามา ซึ่งก็ใช่ว่าอยู่เฉย ๆ เสียทีเดียว เรียกว่าทำน้อยแต่ได้เรื่อยๆ มาก
กว่า เช่น แต่งเพลงหนึ่งครั้ง คนเอาลิขสิทธิ์ไปใช้ เขาก็ต้องจ่ายเราไปตลอด หรือลงทุนหนึ่งครั้ง เก็บเงินปันผลกินไปเรื่อย ๆ และโดยส่วนใหญ่เป็นรายได้เสริมประเภทที่มัก ไม่ต้องลงแรง แต่ต้องมี “ความคิด” เสมอ
ในอีกด้านมุมเดียวกับเรื่องขำขัน หรือเรื่องสั้นด้านบน การไม่สูบบุหรี่ หรือเลิกรายจ่ายประจำในสิ่งที่ไม่จำเป็นเช่น ติดน้ำอัดลม อะไรทำนองนี้ เ พ ร า ะเรา “คิดว่า” เลิกไปก็ไม่ได้ ทำให้มีเงินมากขึ้น มันแค่ “ลดรายจ่าย”
ลึก ๆ ใ น ใ จที่ไม่อย ากอ้างจิตวิทย า มันจึงเหมือนว่า เราไม่เสียเงินแต่ไม่ได้อะไรกลับมา จึงไม่มีแรงจูงใจ
อะไรในการประหยัดแบบนี้ แม้ที่จริงมันจะได้ประโยชน์ แต่มันต้องสะสมใช้เวลา จึงไม่เห็นข้อดี ณ ตรงหน้าก็ไร้แรงจูงใจเช่นกันแต่ในคนที่เขาประหยัดได้ คิดมุมนี้ได้ ในเชิงความคิดเขามันคือ “รายได้แฝง” ที่ทำให้
เขามีเงินเพิ่มไปจับจ่ายอย่ างอื่น…
มีรายได้เพิ่ม = ซื้อของเพิ่มได้ แล้ว มีเงินเหลือ = ซื้อของเพิ่มได้ เช่นกันจริงไหมล่ะ?
เมื่อใดก็ตามที่เขา มีเงินเพื่อไปทำอย่ างอื่นเพิ่ม คิดดี ๆ มันก็เหมือนมีรายได้เพิ่มนั่นแหละ แต่มัน “แฝง” อยู่ในสิ่งที่ “ไม่จำเป็น” เพียงแต่มันเป็นเรื่องที่ย ากที่จะทำให้เราคิดไปได้ในมุมนั้น เ พ ร า ะส่วนหนึ่งมันก็คล้ายกับ
หลอกตัวเอง แต่บางทีการที่เราใช้เงินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็นทุกวันนั้น เราก็เพียงหลอกตัวเองด้วยบางอย่ าง
อยู่ดี เช่น ทำให้เราดูดีขึ้น ทำให้เรามีความสุขขึ้น ซึ่งผลมันเห็นอยู่กับที่ผ่านมาและอนาคตต่อ ๆ ไป เราก็
จะหลอกตัวเองแค่ว่า “ช่างมันเถอะ”
ที่ยังมีอีกนะ…
ของนี้ถูกหรือแพง คิดดี ๆ
เรื่องที่มองข้ามง่าย ๆ น้ำย าปรับผ้านุ่ม ถุงละ 10 บาท กับถุงละ 25 บาท อาจคิดว่า “เห้ยอะไรนักหนาใช้ได้เหมือนกัน” แต่ปรากฏว่า ถุง 10 บาทซักครั้งแรก ใส่ 2 ฝาไม่หอม(เชื่อไหมคนใช้น้ำย าปรับผ้านุ่มเพื่อเน้นหอม
ไม่ใช่เน้นนุ่ม) สุดท้ายใส่เกือบครึ่งถุงต่อผ้าหนึ่งกอง จึงจะหอม ในขณะที่ ถุงละ 25 บาท เออ 2 ฝาหอมจริงแล้วถุงหนึ่งใช้ได้ประมาณ 10 ครั้งแบบนี้ แต่เวลาไปซื้อก็คว้าถุง 10 บาทอยู่ดี กลัวว่ายิ่งคว้า 25 บาท
มาจะยิ่งเปลือง เป็นไปได้ว่าไม่เคยรู้จริง ๆ อาจคิดว่า 25 ก็น่าจะต้องใช้เกือบครึ่งถุงเหมือนกัน…
“เ พ ร า ะเราไม่ได้คิดไง”
ถึงตรงนี้ถ้าใครถามผมกลับว่า แล้วผมคิดเยอะเนี่ย รวยหรือยัง ตอบเลยว่ายังไม่รวยหรอก.. ถ้า “เทียบกับใครเขา” แต่ถ้าย้อนมองไปเฉพาะตัวเรา รวยกว่าสมัยยังคิดอะไรไม่ได้หลายเท่าจริง ๆ
เหมือนคนเลิกบุหรี่ที่อาจซื้อรถไม่ได้ แต่ชีวิตคงมีอะไร ๆ ดีขึ้นมากมายหลายด้านเช่นกัน.. ที่เขียนมาก็ใช่อะไร
แค่อย ากช่วยให้เริ่มคิด..